วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

แอปเปิลแจงไม่ปฏิเสธ"Google Voice"

แอปเปิลชี้แจง FCC ว่าไม่ได้ปฏิเสธกูเกิลวอยซ์ แต่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาอย่างละเอียดเพราะมีความเสี่ยงกระทบการทำงานของเครื่อง


แอปเปิลชี้แจง FCC ว่าไม่ได้ปฏิเสธโปรแกรมโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตของกูเกิลนามกูเกิลวอยซ์ (Google Voice) อย่างที่เป็นข่าว แต่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาอย่างละเอียดเพราะมีความเสี่ยงกระทบการทำงานของ เครื่อง ยืนยันว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับกูเกิลวอยซ์นั้นไม่ได้ถูกแทรกแซงจากเอทีแอนด์ ทีแต่อย่างใด
       
       การส่งเอกสารชี้แจงกระทู้ถามระหว่างคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมของ สหรัฐฯหรือ FCC และแอปเปิลนั้นเกิดขึ้นเพราะข่าวดังที่ระบุว่า แอปเปิลปฏิเสธไม่ให้โปรแกรมกูเกิลวอยซ์เปิดให้บริการดาวน์โหลดบนร้านแอ ปสโตร์ (App Store) ร้านขายแอปพลิเคชันสำหรับโหลดลงไอโฟน (iPhone) สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นความกังวลว่า ผู้ใช้ไอโฟนจะเสียประโยชน์เพราะถูกแอปเปิลปิดกั้น ซึ่งมีการสันนิษฐานกันเองว่า นี่เป็นการปฏิเสธโปรแกรมบนแอปสโตร์อีกครั้งที่แอปเปิลทำเพื่อรักษาผล ประโยชน์ของเอทีแอนด์ที โอเปอเรเตอร์ผู้จำหน่ายไอโฟนรายเดียวในสหรัฐฯซึ่งถือเป็นพันธมิตรยักษ์ใหญ่ ในโลกสื่อสารของแอปเปิล
       
       "ตรงกันข้ามกับรายงานข่าวมากมาย แอปเปิลยังไม่มีการปฏิเสธโปรแกรมกูเกิลวอยซ์ และกำลังอยู่ระหว่างการศึกษามัน" เนื้อความในเอกสารชี้แจงระบุ
       
       รายงานข่าวระบุว่า เอทีแอนด์ทีและกูเกิลนั้นส่งเอกสารชี้แจง FCC ด้วยเช่นกัน โดยเอทีแอนด์ทีระบุว่าแอปเปิลไม่ได้ปรึกษากับบริษัทเลยในช่วงก่อนการจะปิด ดาวน์โหลดโปรแกรมยของกูเกิล ขณะที่กูเกิลไม่ออกมาเปิดเผยว่าส่งเอกสารชี้แจงว่าอย่างไร
       
       กูเกิลวอยซ์นั้นเป็นโปรแกรมที่ผู้ใช้สามารถรวมเบอร์โทรศัพท์หลายเบอร์เพื่อ รับสายบนโทรศัพท์เครื่องเดียว นอกจากอำนวยความสะดวก กูเกิลวอยซ์ยังมีจุดเด่นที่การลดค่าบริการโทรศัพท์ ทำให้โอเปอเรเตอร์มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียประโยชน์มหาศาลในอนาคต
       
       แอปเปิลให้เหตุผลว่าปฏิเสธโปรแกรมกูเกิลวอยซ์เพราะโปรแกรมมีการเปลี่ยนแปลง รูปแบบอินเทอร์เฟสการต่อโทรศัพท์และการส่งข้อความในไอโฟนเป็นรูปแบบของกู เกิล เช่นในฟังก์ชัน Visual Voicemail ซึ่งกูเกิลวอยซ์จะโอนสายโทรเข้า ไปยังระบบฝากข้อความของกูเกิลวอยซ์เอง เพื่อแปลงกลับมาในรูปอีเมล สิ่งที่เกิดขึ้นอาจทำให้ผู้ใช้สับสน โดยแอปเปิลระบุว่าการเปลี่ยนแปลงที่ล้ำเส้นเกินไปนี้เป็นเหตุให้บริษัทต้อง ปฏิเสธโปรแกรมไปแล้วกว่า 3 ตัว
       
       ขณะเดียวกัน แอปเปิลมีความกังวลว่ากูเกิลวอยซ์อาจส่งข้อมูลจากไอโฟนของประชาชนไปเก็บไว้ บนเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลด้วย ซึ่งทั้งหมดควรต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด
       
       กรณีแอปเปิลปฏิเสธโปรแกรมกูเกิลวอยซ์นั้นทำให้ภาพความสัมพันธ์ระหว่างแอ ปเปิลและกูเกิลนั้นดูร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน กรณีที่เกิดขึ้นยังทวีความข้องใจเรื่องมาตรฐานการปฏิเสธโปรแกรมใดๆบนแอ ปสโตร์ ซึ่งหมายถึงผู้ใช้ไอโฟนจำนวนมากในโลกจะถูกปิดกั้นจากโปรแกรมเหล่านั้นไปด้วย
       
       ในเอกสารถึง FCC แอปเปิลขอความเห็นใจว่า บริษัทนั้นได้รับโปรแกรมมากกว่า 8,500 ชิ้นที่ส่งเข้ามาสมัครขอเปิดให้ดาวน์โหลดบนแอปสโตร์ต่อสัปดาห์ มีทั้งโปรแกรมใหม่และโปรแกรมเก่าที่ต้องการอัปเดทจากเดิม โดยแอปเปิลต้องเตรียมพนักงานประจำมากกว่า 40 ชีวิตเพื่อรีวิวโปรแกรมเหล่านี้ ซึ่งการตรวจสอบนั้นใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ต่อโปรแกรม และกว่า 20% ที่ไม่ผ่านการอนุมัติในการทดสอบขั้นแรก เพราะเข้าข่ายรบกวนการทำงานหลักของไอโฟน
       
       แอปเปิลและเอทีแอนด์ทียังชี้แจงถึงข้อตกลงเรื่องการเปิดให้ดาวน์โหลดโปรแกรม โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตหรือ VOIP ด้วยว่าเคยมีการระบุข้อตกลงให้แอปเปิลไม่อนุมัติโปรแกรม VOIP หากเอทีแอนด์ทีไม่ยินยอม แต่เมื่อเวลาผ่านไป เอทีแอนด์ทีจึงเปลี่ยนนโยบายเป็นไม่คัดค้านโปรแกรม VOIP ที่ทำงานบนเครือข่ายไว-ไฟ ซึ่งทำให้แอปเปิลอนุมัติโปรแกรม VOIP ของหลายบริษัท รวมถึงสไกป์ (Skype) ของอีเบย์ด้วย
       
       VOIP เป็นการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียค่าบริการ โทรศัพท์หรือโทรข้ามแดน แต่สามารถเสียเพียงค่าบริการต่ออินเทอร์เน็ตแทน จุดนี้แอปเปิลระบุว่า ยังไม่ทราบว่ากูเกิลวอยซ์ทำงานเป็น VOIP บนเครือข่ายไว-ไฟหรือไม่ด้วย
       
       ในเอกสาร ทั้งเอทีแอนด์ทีย้ำว่าจะมีการออกนโยบายใหม่เพื่อกำหนดสิทธิ์ของโปรแกรม VOIP ที่ทำงานบนเครือข่าย 3G ของบริษัทให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในอนาคต
by service

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น