วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

aStore กับ Search Engine


หากจะพูดถึงการโปรโมทสินค้าหรือเวปไซต์ทาง internet ละก็ แน่นอนเพื่อนๆจะต้องทำความรู้จักกับ Search Engine ทั้งหลาย และลูกพี่ใหญ่ของวงการ search engine 3 อันดับแรกที่หลายๆคนน่าจะรู้จักและครองตลาดมาทุกวันนี้ก็คือ google yahoo และ microsolf หรือ bing นั่นเอง
ลองคิดดูครับว่าหากเพื่อนๆทำร้าน aStore เกี่ยวกับ LCD TV แล้วมีคนต้องการสั่งซื้อ TV ทาง internet โดยพิมพ์คำว่า LCD TV ที่ search engine แล้วชื่อร้าน aStore ของเราก็โผล่ขึ้นมาให้เขาเข้าไปสั่งซื้อ โดยราคาขาย LCD TV ตกเครื่องละประมาณ 1,000 USD เราจะได้ค่าคอม 4% ต่อเครื่องคิดเป็นเงิน 40 USD ทันทีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยแต่หากเราขายได้ 6 เครื่องขึ้นไปค่าคอมต่อเครื่องเราจะกลายเป็น 8.5% คือ 85 USD ทันที คิดง่ายๆต่อเดือนเราขายได้ซัก 20-30 เครื่องก็สบายแล้วครับ แต่ชีวิตจริงมันไม่ง่ายอย่างนั้นครับเพราะเพื่อนๆอย่าลืมว่าในธุรกิจนี้มีคน ที่ทำอยู่มากมายและการที่ aStore เราจะไปเสนอหน้าอยู่ที่หน้าแรกของผลการค้นหามันเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความ พยายามและอดทนอย่างมาก แต่สุดท้ายมันจะคุ้มครับเพราะเราไม่ต้องทำอะไรเลยแค่ปล่อยให้ร้านมันหาเงิน ให้เรา
การโปรโมทร้าน aStore ของเรามีวิธีให้เพื่อนๆเลือกอยู่ 2 ทาง ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆจะเลื่อกและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งวิธีแรกเราจะรู้จักกันในชื่อว่า SEO หรือ search engine optimize คือการทำให้เวปเราไปติดอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหา หรือ อีกวิธีคือ PPC หรือ pay per click คือการจ่ายเงินให้กับ search engine เพื่อให้เวปเราไปติดอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหา เห็นอย่างนี้เพื่อนๆหลายคนคงคิดว่า SEO น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีเพราะไม่ต้องจ่ายเงิน และแน่นอนครับ SEO ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความอดทนนั่นเอง เรามาดูข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธีพอคร่าวๆเพื่อช่วยในการตัดสินใจทำโฆษณา ของเรากันครับ
SEO
ข้อดี:
1.ไม่ มีค่าใช้จ่าย
2.เมื่อสำเร็จแล้วจะได้ผลการขายระยะยาวจาก search engine
ข้อ เสีย:
1.มีขั้นตอนการทำที่ลึกซึ้งและต้องอาศัยความขยันมากๆซึ่งผมจะพูดใน บทถัดไปเพราะมีรายละเอียดเยอะมากครับ
2.เราไม่สามารถวัดผลโฆษณาของเราได้ ขณะที่ทำ SEO เพราะช่วงแรกจะไม่มีการสั่งซื้อสินค้าของเราแน่นอนทำให้บาง คนเบื่อและล้มเลิกความตั้งใจไป
PPC
ข้อ ดี:
1.สำหรับคนใจร้อนเพราะสามารถแสดงร้านเราได้โดยทันที
2.สามารถวัด ค่าใช้จ่ายต้นทุนการทำ PPC กับกำไรที่ได้ว่าคุ้มที่จะลงทุนไหม
3.สามารถ ควบคุมค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงได้
ข้อเสีย:
1.มีความเสี่ยงเพราะไม่ รู้ว่าคนที่เข้ามาที่ร้านเราจะซื้อสินค้าไหม หากไม่ซื้อเราก็จะเสียค่า PPC ไปฟรีๆ
2.ต้องมีเงินทุนพอสมควรเพราะช่างแรกๆเราจะเสียเงินไปกับการลองผิด ลองถูก
เอาละครับคราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของเพื่อนๆแล้วครับว่าใครจะเลือกเดินสาย ไหน แต่ใครจะใช้ทั้งสองวิธีเลยก็ไม่ว่ากันครับ วันต่อไปผมจะมาพูดขั้นตอน PPC และการสมัครใช้ PPC กับ search engine ครับผม
ที่มาของบทความ  richbymyhand.com
by service

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น